จุดกำเนิดของเกมระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ ดอร์ทมุนด์ หรือเกม แดร์ คลาสสิเคอร์

3 13

จุดกำเนิดของเกมระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ ดอร์ทมุนด์ หรือเกม แดร์ คลาสสิเคอร์

หากจะพูดถึงเกมบิ๊กแมตช์ในการแข่งขันฟุตบอล หลาย ๆ คน คงจะนึกถึงเกมที่มีระหว่างสองทีมที่มีประวัติศาสต์และความเกลียดชังกันมาอย่างยาวนาน อย่างศึกแดงเดือด ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือเกม เอล กลาซิโก้ ระหว่าง เรอัล มาดริด พบ บาร์เซโลนา อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งฟุตบอลเยอรมัน ก็มีเกมการแข่งขันที่ถือว่าเป็นบิ๊กแมตช์หลายคู่ แต่ถ้านึกถึงคู่ที่โด่งดังและแฟนบอลติดตามมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเกม แดร์ คลาสสิเคอร์ ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค ปะทะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่รู้กันหรือไม่ว่าหากเทียบกับคู่อื่น ๆ ในเยอรมันหรือในโลกฟุตบอลการพบกันระหว่าง เสือใต้ และเสือเหลือง ประวัติศาสตร์ของคู่นี้นั้นถือว่ามีน้อยกว่ามาก ๆ เพราะจริง ๆ แล้วพวกเขา เพิ่งจะมาเป็นคู่แข่งกันแบบจริง ๆ จัง ๆ เมื่อไม่นานมานี้ แล้วจุดเริ่มต้นของการเป็นคู่แข่งระหว่าง บาเยิร์น และ ดอร์ทมุนด์ คืออะไรกันแน่? อะไรทำให้การแข่งขันคู่นี้กลายมาเป็นเกม “บิ๊กแมตช์” ที่แฟนบอลต่างคอยติดตาม? อ่านต่อได้ที่นี่เลย

1 13

แดร์ คลาสสิเคอร์ คืออะไร?

หากใครที่มีความรู้ด้านภาษาอยู่บ้าง ก็น่าจะพอเดา ๆ ได้ว่า แดร์ คลาสสิเคอร์ คืออะไร ซึ่งมันก็คือคำว่า คลาสสิค (Classic) ในภาษาเยอรมันนั่นเอง โดย แดร์ คลาสสิเคอร์ ได้ถูกนำมาเรียกในเกมการแข่งขันระหว่างสองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค พบกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งจุดประสงค์ก็ไม่ได้มีอะไรมาก นั่นก็คือการบ่งบอกความคลาสสิคและความขลังของเกมนี้นั่นเอง เหมือนกับ แอล กลาซิโก้ ที่เป็นคำว่า คลาสสิค ในภาษาสเปน และเอาไว้เรียกชื่อแมตช์ระหว่าง เรอัล มาดริด พบกับ บาร์เซโลนา ซึ่งก็เพิ่งจะมี แดร์ คลาสสิเคอร์ อย่างที่ได้กล่าวไป โดยเกม แดร์ คลาสสิเคอร์ หากจะเทียบประวัติศาสตร์หรือว่าความขลังกับบิ๊กแมตช์คู่อื่น ๆ เกมการแข่งขันคู่นี้คงจะสู้ไม่ไหวแน่ ๆ เพราะจริง ๆ แล้ว แดร์ คลาสสิเคอร์ เพิ่งจะมาเกิดขึ้นเอาในช่วงระหว่างปี 1990-2000 นี้เอง ซึ่งมันก็เพิ่งจะผ่านมาเพียงแค่ราว ๆ 30 กว่าปีเท่านั้น และมันก็ไม่ได้มีประวัติเหมือนกับบิ๊กแมตช์คู่อื่น ๆ แต่อย่างใด มันไม่ได้เป็นเพราะความเกลียดชังและความเป็นคู่แข่งกันของคู่นี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรื่องการเมืองหรือภูมิศาสตร์ในประเทศ

3 13

แล้วเกิดอะไรขึ้น?

ประโยคที่ว่า “บาเยิร์นครองบุนเดสลีกา” ไม่ใช่ประโยคที่เกินจริงหรือเพิ่งจะมาเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แต่อย่างใด แต่มันเป็นแบบนี้มานานหลายสิบปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ในปี 1994-1995 และ 1995-1996 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลายมาเป็นทีมล้มยักษ์ ที่สามารถเอาชนะทีมเสือใต้ความแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองเบียร์ได้ 2 สมัยติดต่อกัน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ในขณะที่เกมการแข่งขันระหว่าง บาเยิร์น และ ดอร์ทมุนด์ ในปี 1996 ยังมีช็อตที่น่าจะทำให้ทั้งสองทีมมีความเกลียดชังกันมากยิ่งขึ้นด้วย นั่นก็คือช็อตที่ โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานของ บาเยิร์น มีปากเสียงกับเพื่อนร่วมชาติของทีมเสือเหลืองอย่าง อันเดรอัส เมิลเลอร์ จน มัทเธอุส ทำท่าเด็กร้องไห้ให้กับ เมิลเลอร์ดู ก่อนที่ เมิลเลอร์ จะตอบโต้ด้วยการเอามือทั้งสองข้างไปประกบที่ดวงตาของ มัทเธอุส เพื่อหยุดท่าล้อเลียนนั้น ทำเอาจังหวะนี้ กลายเป็นจังหวะตำนาน ที่ติดอันดับความเดือดเหตุการณ์ที่น่าจดจำในเกม แดร์ คลาสสิเคอร์ เลยทีเดียว แถมในปี 1997 นอกจากจะคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา เหนือ บาเยิร์นได้ 2 สมัยติด ดอร์ทมุนด์ ยังทำแสบ ด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีนั้นได้ หลังเอาชนะ ยูเวนตุส ไปได้ 3-1 ซึ่งการคว้าแชมป์ของ ดอร์ทมุนด์ ในครั้งนี้ น่าจะทำให้แฟน บาเยิร์น จำไม่ลืมแน่ ๆ เพราะที่เสือเหลือง เอาชนะเจ้าม้าลายในนัดชิงชนะเลิศ UCL ปีนั้น ดันเกิดขึ้นที่สนาม โอลิมเปียสตาดิโอน สนามเหย้าของเสือใต้นั่นเอง

2 12

ไม่ใช่แค่เรื่องในสนาม

นอกจากเรื่องการแข่งขันในสนามที่ทั้งสองทีมชิงดีชิงเด่นเรื่องการคว้าแชมป์แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกที่ทำให้ทั้งสองทีมนั้นเกลียดกัน นั่นก็คือเรื่องการแย่งซื้อตัวนักเตะชื่อดังเข้าร่วมทีมนั่นเอง และอย่างที่รู้กัน ทีมที่มักจะเป็นฝ่ายสมหวัง ก็คือทีมที่มีประวัติศาสตร์และขนาดใหญ่กว่าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค แถม ดอร์ทมุนด์ ยังถูกเสือใต้ แย่งตัวนักเตะดี ๆ ของทีมไปเป็นประจำ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่แฟนบอลคงจะจำไม่ลืมเช่น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, มาริโอ เกิทเซ่ หรือ มัตส์ ฮุมเมลส์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *